บริบทของปัญหา
การค้ามนุษย์เด็กในประเทศไทย ทั้งในรูปแบบการแสวงหาประโยชน์ทางเพศและแรงงาน ยังคงเป็นความท้าทายเชิงระบบ แม้มีกฎหมายและความสนใจจากสาธารณชนเพิ่มขึ้น แต่กระบวนการสืบสวนและดำเนินคดียังคงกระจัดกระจาย เป็นเชิงรับ และขาดความสม่ำเสมอ งานวิจัยนี้ใช้แนวคิด การสคริปต์กระบวนการสืบสวนสอบสวน (scripting) เพื่อแผนภาพกระบวนการทำงานจริงของเจ้าหน้าที่ และชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อน โอกาสในการพัฒนา และแนวปฏิบัติที่ดีที่เกิดขึ้นในภาคสนาม
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
- ศึกษากระบวนการสืบสวนและดำเนินคดีค้ามนุษย์เด็กในกรณีการค้าประเวณี (CST) และการแสวงหาประโยชน์ด้านแรงงาน (CLT) โดยหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทย
- พัฒนา สคริปต์การสืบสวนสอบสวน ที่แสดงขั้นตอน ลำดับการตัดสินใจ และจุดที่กระบวนการล้มเหลวในคดี CST และ CLT
- นำเสนอข้อค้นพบเพื่อใช้ในการออกแบบระบบการประสานงาน การตีความกฎหมาย และแนวปฏิบัติที่ยึดหลักผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง
วิธีการวิจัย
- วิเคราะห์สำนวนคดีค้ามนุษย์เด็กจำนวน 24 คดี โดยคัดเลือกแบบการสุ่มแบ่งชั้น (stratified sampling)
- ประยุกต์ใช้แนวทางการ สคริปต์กระบวนการสืบสวนสอบสวน เพื่อตรวจสอบเส้นทางการดำเนินคดี ตั้งแต่การระบุเหยื่อจนถึงผลลัพธ์ในชั้นศาล
ประเด็นสำคัญจากการสคริปต์การสืบสวนสอบสวน
1. จุดเริ่มต้นของการรับรู้เหยื่อ (Victim Entry Points):
- คดี CST มักเริ่มจากข้อมูลขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NGO) หรือการสืบสวนออนไลน์เชิงรุก
- คดี CLT ส่วนใหญ่เกิดจากการตรวจสอบแรงงานหรือการร้องเรียน โดยไม่มีความพยายามเชิงรุกจากภาครัฐ
2. การเตรียมการสืบสวน (Investigation Setup):
- คดี CST มักมีการวางแผนปฏิบัติการล่วงหน้า เช่น การดักฟังหรือการใช้ผู้ให้ข้อมูลลับ
- คดี CLT ขาดเครื่องมือดิจิทัลและมีความไม่ชัดเจนในเกณฑ์การแยกแยะการเอาเปรียบแรงงานกับการค้ามนุษย์
3. ช่องโหว่เชิงปฏิบัติการ (Operational Gaps):
- พบกรณีที่ตำรวจบางหน่วยดำเนินการในลักษณะ "เชิงรุกเทียม" เช่น แยกคดีเครือข่ายเดียวกันออกเป็นหลายคดีย่อยเพื่อเพิ่มจำนวนคดี
- การกระทำลักษณะนี้บั่นทอนความพยายามในการรื้อถอนเครือข่ายค้ามนุษย์ในภาพรวม
4.การรวบรวมและจัดการคดี (Case Consolidation & Prosecution):
- คดีที่มี NGO ร่วมสนับสนุนมักมีการรวมข้อมูลเป็นระบบ และมีการดูแลเหยื่อที่เหมาะสม
- ในทางตรงข้าม คดี CLT มักไม่สามารถพิสูจน์ในศาลได้ เนื่องจากหลักฐานไม่ชัดเจน และการตีความเรื่อง “การยินยอม” ยังมีความคลุมเครือ
5. ประเด็นเชิงระบบ (Systemic Issues):
- เหยื่อที่เป็นแรงงานข้ามชาติที่ไม่มีเอกสารมักไม่ได้รับการคุ้มครอง
- แรงกดดันจากระบบจัดอันดับ TIP ทำให้บางหน่วยมุ่งเน้นจำนวนคดีมากกว่าคุณภาพ
- เจ้าหน้าที่ภาคสนามยังขาดแนวทางที่ชัดเจนในการจำแนกการแสวงหาประโยชน์ด้านแรงงาน
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและปฏิบัติ
- เปลี่ยนเกณฑ์ประเมินผลจาก “จำนวนคดี” เป็น “คุณภาพของผลลัพธ์”
- พัฒนา สคริปต์การสืบสวนสอบสวน และแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานสำหรับ CST และ CLT
- เพิ่มขีดความสามารถด้านการสืบสวนดิจิทัล โดยเฉพาะในคดี CLT
- เสริมความชัดเจนทางกฎหมายเกี่ยวกับนิยาม “การแสวงหาผลประโยชน์ด้านแรงงาน”
- จัดทำกลไกคุ้มครองเหยื่อที่ไม่มีเอกสารให้ครอบคลุมมากขึ้น
References
Mangkhalasiri, P. (2024). Challenges of Investigating and Prosecuting Child Sex Trafficking and Child Labour Trafficking in Thailand (Doctoral dissertation, University College London, United Kingdom).




