การสคริปต์กระบวนการสืบสวนสอบสวน: คลี่คลายคดีค้ามนุษย์เด็กในประเทศไทย

มิถุนายน 26, 2025

บริบทของปัญหา

การค้ามนุษย์เด็กในประเทศไทย ทั้งในรูปแบบการแสวงหาประโยชน์ทางเพศและแรงงาน ยังคงเป็นความท้าทายเชิงระบบ แม้มีกฎหมายและความสนใจจากสาธารณชนเพิ่มขึ้น แต่กระบวนการสืบสวนและดำเนินคดียังคงกระจัดกระจาย เป็นเชิงรับ และขาดความสม่ำเสมอ งานวิจัยนี้ใช้แนวคิด การสคริปต์กระบวนการสืบสวนสอบสวน (scripting) เพื่อแผนภาพกระบวนการทำงานจริงของเจ้าหน้าที่ และชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อน โอกาสในการพัฒนา และแนวปฏิบัติที่ดีที่เกิดขึ้นในภาคสนาม

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

  • ศึกษากระบวนการสืบสวนและดำเนินคดีค้ามนุษย์เด็กในกรณีการค้าประเวณี (CST) และการแสวงหาประโยชน์ด้านแรงงาน (CLT) โดยหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทย
  • พัฒนา สคริปต์การสืบสวนสอบสวน ที่แสดงขั้นตอน ลำดับการตัดสินใจ และจุดที่กระบวนการล้มเหลวในคดี CST และ CLT
  • นำเสนอข้อค้นพบเพื่อใช้ในการออกแบบระบบการประสานงาน การตีความกฎหมาย และแนวปฏิบัติที่ยึดหลักผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง

วิธีการวิจัย

  • วิเคราะห์สำนวนคดีค้ามนุษย์เด็กจำนวน 24 คดี โดยคัดเลือกแบบการสุ่มแบ่งชั้น (stratified sampling)
  • ประยุกต์ใช้แนวทางการ สคริปต์กระบวนการสืบสวนสอบสวน เพื่อตรวจสอบเส้นทางการดำเนินคดี ตั้งแต่การระบุเหยื่อจนถึงผลลัพธ์ในชั้นศาล

ประเด็นสำคัญจากการสคริปต์การสืบสวนสอบสวน

1. จุดเริ่มต้นของการรับรู้เหยื่อ (Victim Entry Points):

  • คดี CST มักเริ่มจากข้อมูลขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NGO) หรือการสืบสวนออนไลน์เชิงรุก
  • คดี CLT ส่วนใหญ่เกิดจากการตรวจสอบแรงงานหรือการร้องเรียน โดยไม่มีความพยายามเชิงรุกจากภาครัฐ

2. การเตรียมการสืบสวน (Investigation Setup):

  • คดี CST มักมีการวางแผนปฏิบัติการล่วงหน้า เช่น การดักฟังหรือการใช้ผู้ให้ข้อมูลลับ
  • คดี CLT ขาดเครื่องมือดิจิทัลและมีความไม่ชัดเจนในเกณฑ์การแยกแยะการเอาเปรียบแรงงานกับการค้ามนุษย์

3. ช่องโหว่เชิงปฏิบัติการ (Operational Gaps):

  • พบกรณีที่ตำรวจบางหน่วยดำเนินการในลักษณะ "เชิงรุกเทียม" เช่น แยกคดีเครือข่ายเดียวกันออกเป็นหลายคดีย่อยเพื่อเพิ่มจำนวนคดี
  • การกระทำลักษณะนี้บั่นทอนความพยายามในการรื้อถอนเครือข่ายค้ามนุษย์ในภาพรวม

4.การรวบรวมและจัดการคดี (Case Consolidation & Prosecution):

  • คดีที่มี NGO ร่วมสนับสนุนมักมีการรวมข้อมูลเป็นระบบ และมีการดูแลเหยื่อที่เหมาะสม
  • ในทางตรงข้าม คดี CLT มักไม่สามารถพิสูจน์ในศาลได้ เนื่องจากหลักฐานไม่ชัดเจน และการตีความเรื่อง “การยินยอม” ยังมีความคลุมเครือ

5. ประเด็นเชิงระบบ (Systemic Issues):

  • เหยื่อที่เป็นแรงงานข้ามชาติที่ไม่มีเอกสารมักไม่ได้รับการคุ้มครอง
  • แรงกดดันจากระบบจัดอันดับ TIP ทำให้บางหน่วยมุ่งเน้นจำนวนคดีมากกว่าคุณภาพ
  • เจ้าหน้าที่ภาคสนามยังขาดแนวทางที่ชัดเจนในการจำแนกการแสวงหาประโยชน์ด้านแรงงาน

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและปฏิบัติ

  • เปลี่ยนเกณฑ์ประเมินผลจาก “จำนวนคดี” เป็น “คุณภาพของผลลัพธ์”
  • พัฒนา สคริปต์การสืบสวนสอบสวน และแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานสำหรับ CST และ CLT
  • เพิ่มขีดความสามารถด้านการสืบสวนดิจิทัล โดยเฉพาะในคดี CLT
  • เสริมความชัดเจนทางกฎหมายเกี่ยวกับนิยาม “การแสวงหาผลประโยชน์ด้านแรงงาน”
  • จัดทำกลไกคุ้มครองเหยื่อที่ไม่มีเอกสารให้ครอบคลุมมากขึ้น
  •  

References

Mangkhalasiri, P. (2024). Challenges of Investigating and Prosecuting Child Sex Trafficking and Child Labour Trafficking in Thailand (Doctoral dissertation, University College London, United Kingdom).