Scam City : วิทยาการอาชญากรรมและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อจัดการอาชญากรรม

สิงหาคม 21, 2025

ในเวที อว. Fair 2025 มีการเสวนาในหัวข้อ “วิทยาการอาชญากรรมและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อจัดการอาชญากรรม” โดยมี คุณหนึ่งฤทัย สิงห์ทอง ผู้จัดการสำนักข่าว Police TV ทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการ ร่วมพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน ได้แก่ พ.ต.ท.ดร.พีระพัฒน์ มังคละศิริ รองผู้อำนวยการศูนย์วิทยาการอาชญากรรม โรงเรียนนายร้อยตำรวจ, คุณปกรณ์ ทองจีน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Security Pitch จำกัด และ พ.ต.อ.ดร.สุรชัย สุกใส รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม

พ.ต.ท.ดร.พีระพัฒน์ เปิดการเสวนาด้วยการเล่าถึงที่มาของ วิทยาการอาชญากรรม (Crime Science) ว่าเกิดขึ้นที่ University College London (UCL) ภายหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อ จิลล์ แดนโด (Jill Dando) ผู้สื่อข่าวชื่อดังในรายการ Crime Watch ของสำนักข่าว BBC ถูกลอบสังหารในปี 1999 เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นช่องว่างสำคัญในระบบการป้องกันอาชญากรรม และนำไปสู่การก่อตั้ง UCL Jill Dando Institute of Crime Science เพื่อมุ่งคิดค้นวิธีการใหม่ ๆ ในการควบคุมและแก้ไขปัญหาอาชญากรรม

เขาอธิบายว่า ความแตกต่างของ Crime Science อยู่ที่การเน้น “การแก้ปัญหา” มากกว่าการอธิบายสาเหตุ โดยนำความรู้สหวิทยาการและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อหาทางออกที่เป็นรูปธรรม สำหรับประเทศไทย การจัดตั้งศูนย์วิทยาการอาชญากรรมในลักษณะศูนย์กลางความรู้ (Hub of Knowledge) จึงเป็นการนำแนวคิดนี้มาปรับใช้ในบริบทไทย เพื่อสร้างฐานองค์ความรู้และเครือข่ายความร่วมมือระดับสากล จากฐานคิดดังกล่าว พ.ต.ท.ดร.พีระพัฒน์ จึงเชื่อมโยงไปสู่แนวทางใหม่ที่เรียกว่า “Cyborg Concept” ซึ่งคือการผสานศักยภาพของมนุษย์กับเทคโนโลยีดิจิทัลและฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อทำให้การทำงานของตำรวจแม่นยำ โปร่งใส และตอบสนองต่ออาชญากรรมยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ถัดมา คุณปกรณ์ ทองจีน ซีอีโอของ Security Pitch ได้อธิบายถึงบทบาทภาคเอกชนในการพัฒนา AI Police Cyborg 1.0 ว่าเป็นแพลตฟอร์มต้นแบบที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่ตำรวจเผชิญจริง (real policing problems) มากกว่าการเป็นเพียงโครงการเชิงสัญลักษณ์ คุณปกรณ์อธิบายว่า ระบบ AI Police Cyborg 1.0 ได้รับการพัฒนาให้เชื่อมโยงกับฐานข้อมูลสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น หมายจับ ข้อมูลการสืบสวน และฐานข้อมูลกลางของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เมื่อข้อมูลเหล่านี้ถูกรวมเข้ากับ Big Data และ AI จะช่วยให้สามารถตรวจสอบความเชื่อมโยงของคดีที่ซับซ้อน ระบุผู้ต้องสงสัย และคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงได้แบบเรียลไทม์ เขาย้ำว่า หัวใจของการออกแบบ Cyborg อยู่ที่ แนวคิด Evidence-Based Policing ที่ยึดหลักฐานเชิงประจักษ์เป็นตัวตั้ง ไม่ใช่พึ่งสัญชาตญาณหรือประสบการณ์เพียงอย่างเดียว โดยเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายว่า Crime Science มีบทบาทเหมือน Evidence-Based Medicine ในวงการแพทย์ ที่ตั้งอยู่บนฐานวิทยาศาสตร์และข้อมูลที่พิสูจน์ได้ จุดประสงค์สูงสุดคือ “ป้องกันและลดอาชญากรรม” อย่างเป็นระบบ

คุณปกรณ์ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า ก้าวต่อไปของ AI Police Cyborg คือการสร้างระบบที่สามารถเรียนรู้ได้เอง (self-learning) จากข้อมูลที่สะสมอย่างต่อเนื่อง ระบบลักษณะนี้จะทำให้ตำรวจไม่เพียงตรวจสอบข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น แต่ยังสามารถวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และเสนอแนวทางการปฏิบัติแก่เจ้าหน้าที่ได้ทันที ทำให้เกิดการตัดสินใจที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เขาเน้นย้ำว่า หากจะให้เทคโนโลยีเกิดประโยชน์จริง ต้องออกแบบให้ ใช้งานง่าย (user-friendly) เจ้าหน้าที่ตำรวจในทุกระดับสามารถเข้าถึงและใช้ได้ในชีวิตการทำงานประจำวัน เพราะไม่ว่าระบบจะก้าวหน้าขนาดไหน หากตำรวจไม่สามารถใช้จริงในหน้างาน ก็ไม่ต่างอะไรกับการเก็บเทคโนโลยีไว้ในห้องทดลอง

พ.ต.อ.ดร.สุรชัย สุกใส ปิดท้ายการเสวนาด้วยการเล่าประสบการณ์จากการทดลองใช้ AI Police Cyborg 1.0 ในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะงานสายตรวจและสืบสวนในจังหวัดนครปฐม เขาอธิบายว่า การใช้ Police Cyborg ทำให้ตำรวจสามารถวางกำลังสายตรวจตามจุดเสี่ยงได้แม่นยำขึ้น วิเคราะห์เครือข่ายผู้ต้องสงสัยได้รวดเร็วขึ้น และติดตามคดีที่ซับซ้อนซึ่งปกติต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ แต่สามารถย่นเวลาเหลือเพียงไม่กี่วัน ระบบนี้จึงกลายเป็น “เครื่องมือช่วยตัดสินใจ” ที่เพิ่มขีดความสามารถของตำรวจท้องที่ได้จริง อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ดร.สุรชัย เน้นว่า “เทคโนโลยีไม่ใช่ยาวิเศษ” หากขาดการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่ (capacity building) หรือการสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชา เทคโนโลยีก็จะไม่ถูกใช้เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีข้อจำกัดเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขควบคู่ไปด้วย เขาสรุปว่า บทเรียนจากการทดลองครั้งนี้พิสูจน์ว่า Cyborg Concept ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดเชิงทฤษฎี แต่สามารถนำไปใช้จริงในพื้นที่ และเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะต่อยอดไปสู่การพัฒนาเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อรับมือกับอาชญากรรมในอนาคต

การเสวนา “วิทยาการอาชญากรรมและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อจัดการอาชญากรรม” แสดงให้เห็นภาพการ "บูรณาการครบวงจร" ตั้งแต่การวางรากฐานเชิงวิชาการ การพัฒนาเทคโนโลยี AI Cyborg และการย้ำหลักการ Evidence-Based Policing เพื่อป้องกันและลดอาชญากรรม ไปจนถึงการทดสอบใช้จริงในพื้นที่ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าอนาคตของตำรวจไทยต้องเดินไปบนเส้นทางที่ผสาน มนุษย์ เทคโนโลยี และหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์ เพื่อรับมือกับอาชญากรรมที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในศตวรรษที่ 21