ในงาน อว.แฟร์ 2025: SCI Power for Future Thailand คุณสุชยา โมกขเสน เจ้าหน้าที่โครงการประสานงานชายแดน ประจำประเทศไทย สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC ROSEAP) กล่าวบรรยายหัวข้อ “The Role of Border Management in the Era of Crime Convergence” โดยอธิบายถึงความเสี่ยงของพื้นที่ชายแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังกลายเป็นจุดตัดของอาชญากรรมหลายประเภท และเสนอแนวทางการบริหารจัดการชายแดนเชิงบูรณาการเพื่อรับมือ

คุณสุชยา กล่าวว่า พื้นที่ชายแดนในภูมิภาคนี้มีความซับซ้อนทางภูมิศาสตร์ ระบบการกำกับดูแลของรัฐมีข้อจำกัด และยังมีช่องโหว่ด้านเขตอำนาจศาล เขตเศรษฐกิจพิเศษ และ “พื้นที่ไร้กฎหมาย” ปัจจัยเหล่านี้ผนวกกับแรงงานราคาถูกที่มักถูกใช้ในเครือข่ายค้ามนุษย์ และโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการฟอกเงิน ทำให้ชายแดนกลายเป็น “perfect storm” ของเงื่อนไขที่เหมาะสมต่อการบรรจบกันของอาชญากรรม เธอชี้ว่า “สามเหลี่ยมทองคำ” คือพื้นที่ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ทั้งการขยายตัวของ “คาสิโน” ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานปกติและใต้ดิน ตลอดจนเส้นทางลำเลียงที่เชื่อมโยงการผลิตยาเสพติดสู่ตลาดโลก การตรวจยึดเมทแอมเฟตามีนและสารสังเคราะห์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกับการขยายพื้นที่ปลูกฝิ่นที่เชื่อมโยงกลับไปยังตลาดเฮโรอีนโลก

ในด้านอาชญากรรมไซเบอร์ เธออธิบายว่า ในปี 2566 เพียงปีเดียว ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบมูลค่าความเสียหายจากการหลอกลวงออนไลน์กว่า 1.3 ล้านล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นการพนันผิดกฎหมาย แผนการ “เชือดหมู” การหลอกลงทุน แชร์ลูกโซ่ การปลอมเป็นบุคคลอื่น ไปจนถึงการหลอกให้ทำงานออนไลน์ ล้วนสะท้อนถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของ scams และ cybercrime คุณสุชยายังกล่าวถึง ระบบธนาคารใต้ดินและการฟอกเงิน ว่า กำลังกลายเป็น “บริการ” ที่มีการลงทุนเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง เครือข่ายอาชญากรรมใช้คาสิโน บ่อนออนไลน์ คริปโต และธุรกิจด้านบล็อกเชนบังหน้า ทำให้สามารถแปลงเงินผิดกฎหมายให้เป็นเงินสะอาดได้ภายในเวลาไม่กี่นาที พร้อมทั้งดึงดูดกลุ่มอาชญากรนอกภูมิภาคให้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นเรื่อย ๆ


คุณสุชยา เน้นย้ำว่า การเสริมสร้างความยั่งยืนระยะยาว (Long-Term Prevention and Resilience) เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะการสร้างอาชีพทางเลือกในพื้นที่ชายแดนที่เปราะบาง รายงาน UNODC ในปี 2023 ชี้ว่า ร้อยละ 83 ของผู้ตอบแบบสอบถามในชุมชนชายแดนไทยระบุว่า “ปัจจัยทางเศรษฐกิจ” คือแรงขับเคลื่อนสำคัญของการลักลอบค้ายาและสินค้าผิดกฎหมาย ดังนั้น การลงทุนในอาชีพที่ยั่งยืนจึงเป็นแนวทางที่จำเป็น เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องตกอยู่ในวงจรอาชญากรรม คุณสุชยา กล่าวทิ้งท้ายว่า การจัดการชายแดนในยุคที่อาชญากรรมหลายรูปแบบบรรจบกัน ไม่ใช่เพียงเรื่องของรั้วหรือด่านตรวจ แต่คือการสร้างกลไกที่ครอบคลุมทั้งชุมชน ท้องถิ่น ระดับชาติ และภูมิภาค เพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่เชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน “ชายแดนที่เข้มแข็ง คือรากฐานของความมั่นคงระดับภูมิภาค” เธอเน้นย้ำ






