Scam City : บทบาทของการบริหารจัดการชายแดนในยุคแห่งการบรรจบกันของอาชญากรรม

สิงหาคม 21, 2025

ในงาน อว.แฟร์ 2025: SCI Power for Future Thailand คุณสุชยา โมกขเสน เจ้าหน้าที่โครงการประสานงานชายแดน ประจำประเทศไทย สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC ROSEAP) กล่าวบรรยายหัวข้อ “The Role of Border Management in the Era of Crime Convergence” โดยอธิบายถึงความเสี่ยงของพื้นที่ชายแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังกลายเป็นจุดตัดของอาชญากรรมหลายประเภท และเสนอแนวทางการบริหารจัดการชายแดนเชิงบูรณาการเพื่อรับมือ

คุณสุชยา กล่าวว่า พื้นที่ชายแดนในภูมิภาคนี้มีความซับซ้อนทางภูมิศาสตร์ ระบบการกำกับดูแลของรัฐมีข้อจำกัด และยังมีช่องโหว่ด้านเขตอำนาจศาล เขตเศรษฐกิจพิเศษ และ “พื้นที่ไร้กฎหมาย” ปัจจัยเหล่านี้ผนวกกับแรงงานราคาถูกที่มักถูกใช้ในเครือข่ายค้ามนุษย์ และโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการฟอกเงิน ทำให้ชายแดนกลายเป็น “perfect storm” ของเงื่อนไขที่เหมาะสมต่อการบรรจบกันของอาชญากรรม เธอชี้ว่า “สามเหลี่ยมทองคำ” คือพื้นที่ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ทั้งการขยายตัวของ “คาสิโน” ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานปกติและใต้ดิน ตลอดจนเส้นทางลำเลียงที่เชื่อมโยงการผลิตยาเสพติดสู่ตลาดโลก การตรวจยึดเมทแอมเฟตามีนและสารสังเคราะห์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกับการขยายพื้นที่ปลูกฝิ่นที่เชื่อมโยงกลับไปยังตลาดเฮโรอีนโลก

คุณสุชยายังเน้นย้ำว่า จุดเปลี่ยนสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คือการผนวกกันของ ศูนย์หลอกลวงทางออนไลน์ (scam centers) ระบบธนาคารใต้ดิน และตลาดมืดออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีผลกระทบระดับโลก รายงานของ UNODC ในปี 2025 ชี้ว่า ปรากฏการณ์นี้นำไปสู่การแพร่กระจายผลกระทบอย่างต่อเนื่อง และก่อให้เกิดการแทรกซึมขององค์กรอาชญากรรมเข้าสู่ภาคเศรษฐกิจปกติได้มากขึ้น

ในด้านอาชญากรรมไซเบอร์ เธออธิบายว่า ในปี 2566 เพียงปีเดียว ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบมูลค่าความเสียหายจากการหลอกลวงออนไลน์กว่า 1.3 ล้านล้านบาท  ไม่ว่าจะเป็นการพนันผิดกฎหมาย แผนการ “เชือดหมู” การหลอกลงทุน แชร์ลูกโซ่ การปลอมเป็นบุคคลอื่น ไปจนถึงการหลอกให้ทำงานออนไลน์ ล้วนสะท้อนถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของ scams และ cybercrime คุณสุชยายังกล่าวถึง ระบบธนาคารใต้ดินและการฟอกเงิน ว่า กำลังกลายเป็น “บริการ” ที่มีการลงทุนเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง เครือข่ายอาชญากรรมใช้คาสิโน บ่อนออนไลน์ คริปโต และธุรกิจด้านบล็อกเชนบังหน้า ทำให้สามารถแปลงเงินผิดกฎหมายให้เป็นเงินสะอาดได้ภายในเวลาไม่กี่นาที พร้อมทั้งดึงดูดกลุ่มอาชญากรนอกภูมิภาคให้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นเรื่อย ๆ
อีกมิติที่สำคัญคือ การค้ามนุษย์เพื่อบังคับให้กระทำความผิด (Forced Criminality) คนจำนวนมากถูกหลอกว่าจะได้งานดีในต่างประเทศ แต่เมื่อมาถึงกลับถูกยึดพาสปอร์ต ถูกกักขัง และบังคับให้ทำงานหลอกลวงออนไลน์ หากไม่ทำตามเป้าหรือพยายามหลบหนีจะถูกทำร้ายหรือลงโทษ สุดท้ายทั้งผู้กระทำและผู้ถูกหลอกต่างก็กลายเป็นเหยื่อของระบบนี้ ปัจจุบันมีผู้เสียหายจากกว่า 56 ประเทศทั่วโลก ถูกตรวจพบในศูนย์หลอกลวงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับแนวทางการแก้ไข คุณสุชยา กล่าวว่าการบริหารจัดการชายแดนต้องใช้ แนวทางแบบหลายชั้น (Layered Approach) ชั้นแรกคือการยึดผลประโยชน์ร่วม (Shared Interest) เพื่อสร้างแรงจูงใจในการแก้ปัญหาร่วมกัน เพราะชายแดนไม่ใช่เพียงเส้นแบ่ง แต่เป็น “ชุมชนที่มีชีวิต” การจัดการชายแดนจึงต้องเน้นที่คนในพื้นที่เป็นศูนย์กลาง ชั้นที่สองคือ การจัดการชายแดนเชิงปฏิบัติ (Border Management Actions) เช่น การสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังของชุมชน การผนวกข้อมูลจากพื้นที่เข้าสู่กระบวนการบังคับใช้กฎหมาย การตรวจร่วมที่ด่านหลัก การคัดกรองสัญญาณการค้ามนุษย์ การเฝ้าระวังตามพรมแดนบก น้ำ อากาศ พร้อมทั้งใช้ยุทธศาสตร์เชิงรุก เช่น ระบบเตือนภัยในหมู่บ้าน การใช้ป้ายและเสียงตามสาย รวมถึงการฝึกอบรมพนักงานสายการบินและเจ้าหน้าที่ท่าเรือ เพื่อเพิ่มทักษะในการตรวจจับ คุณสุชยา ยังเสนอว่า ต้องมีการสื่อสารและให้ความรู้แบบเจาะจงพื้นที่ ทั้งผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook หรือ TikTok รวมถึงการอบรมแบบเพื่อนสู่เพื่อน และการทำงานกับเยาวชนในพื้นที่ชายแดน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมไม่ให้ถูกชักจูงเข้าสู่เครือข่ายอาชญากรรม ชั้นที่สามคือ การใช้เครื่องมือระดับภูมิภาคและการทูต (Regional and Diplomatic Tools) เช่น แผนงานการจัดการชายแดนอาเซียน เครือข่ายสำนักงานประสานงานชายแดน (BLO) ที่มีมากถึง 120 แห่งใน 6 ประเทศ รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติและอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์

คุณสุชยา เน้นย้ำว่า การเสริมสร้างความยั่งยืนระยะยาว (Long-Term Prevention and Resilience) เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะการสร้างอาชีพทางเลือกในพื้นที่ชายแดนที่เปราะบาง รายงาน UNODC ในปี 2023 ชี้ว่า ร้อยละ 83 ของผู้ตอบแบบสอบถามในชุมชนชายแดนไทยระบุว่า “ปัจจัยทางเศรษฐกิจ” คือแรงขับเคลื่อนสำคัญของการลักลอบค้ายาและสินค้าผิดกฎหมาย ดังนั้น การลงทุนในอาชีพที่ยั่งยืนจึงเป็นแนวทางที่จำเป็น เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องตกอยู่ในวงจรอาชญากรรม คุณสุชยา กล่าวทิ้งท้ายว่า การจัดการชายแดนในยุคที่อาชญากรรมหลายรูปแบบบรรจบกัน ไม่ใช่เพียงเรื่องของรั้วหรือด่านตรวจ แต่คือการสร้างกลไกที่ครอบคลุมทั้งชุมชน ท้องถิ่น ระดับชาติ และภูมิภาค เพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่เชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน “ชายแดนที่เข้มแข็ง คือรากฐานของความมั่นคงระดับภูมิภาค” เธอเน้นย้ำ